วันจันทร์ที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551

ซูเปอร์โนวา

ซูเปอร์โนวา หรือ มหานวดารา เป็นหนึ่งในเหตุการณ์ระเบิดที่มีพลังมากที่สุดที่รู้จัก แบ่งได้เป็น 2 ประเภทโดยประเภทที่เราคุ้นเคยที่สุดก็คือ ซุปเปอร์โนวาประเภท 2 (Type II Supernovae)เกิดจากการสิ้นสุดวงจรชีวิตของดาวฤกษ์ เป็นการดับของดาวฤกษ์ที่มีขนาดยักษ์กว่าดวงอาทิตย์ของเรา โดยการระเบิดจะเกิดขึ้นอย่างรุนแรงและรวดเร็ว เมื่อเชื้อเพลิงนิวเคลียร์ในแกนกลางของดาวฤกษ์หมดลง แรงดันที่เกิดจากอิเลคตรอนผลักกันก็จะหายไป ดาวฤกษ์จะยุบตัวลงเนื่องจากแรงโน้มถ่วงอะตอมธาตุในแกนกลางดาวฤกษ์บีบอัดตัวจนชนะแรงผลักจากประจุ อะตอมจึงแตกออกเหลือแต่นิวตรอนอัด ตัวกันแน่นแทน เปลือกดาวชั้นนอกๆ ที่บีบอัดตามเข้ามาจะกระแทกกับแรงดันจากนิวตรอน จนกระดอนกลับและระเบิดกลายเป็นซุปเปอร์โนวา วัสดุสารจากการระเบิดซุปเปอร์โนวาจะเคลื่อนที่ด้วยความเร็วเกือบเท่าความเร็วแสง ที่ใจกลางของซุปเปอร์โนวาจะมีก้อนนิวตรอนซึ่งจะเรียกว่า ดาวนิวตรอน (neutron star)

ส่วนซุปเปอร์โนวาประเภท 1 แบ่งออกได้เป็น 3 ประเภทย่อย คือ Ia, Ib และ Ic สำหรับประเภท Ia เป็นการระเบิดของดาวแคระขาวในระบบดาวคู่ (binary star) โดยดาวแคระขาวซึ่งมีดาวหนาแน่นสูงกว่าดาวฤกษ์ปกติ จะดึงมวลสารจากดาวข้างเคียงและสะสมไว้จนมีมวลถึงขีดวิกฤติที่เรียกว่า ขีดจำกัดของจันทรเสกขา (Chandrasekhar limit) ที่ 1.44 เท่ามวลของดวงอาทิตย์ ที่มวลดังกล่าว ดาวแคระขาวจะยุบตัวลงและระเบิดออกกลายเป็นซุปเปอร์โนวา ด้วยอัตราการส่องสว่างและรูปแบบการระเบิดซุปเปอร์โนวาประเภท Ia ที่มีคุณสมบัติคล้ายคลึงกันมาก จึงทำให้นักดาราศาสตร์ใช้ซุปเปอร์โนวาประเภทนี้เป็นเทียนมาตรฐาน(standard candle) เพื่อวัดใช้ระยะทางจากโลกถึงกาแลคซีที่มีซุปเปอร์โนวาปรากฏอยู่ นอกจากนี้นักเอกภพวิทยาซึ่งศึกษาซุปเปอร์โนวาประเภทนี้ยังบอกได้ว่าเอกภพของเรากำลังขยายตัวด้วยความเร่ง

7 พฤษภาคม 2550 มีรายงานการค้นพบซูเปอร์โนวาที่สว่างที่สุด เอสเอ็น 2006 จีวาย (SN2006gy) ในดาราจักร เอ็นจีซี 1260 (NGC 1260) เป็นการดับสลายของดาวฤกษ์ที่มีมวลมากกว่าดวงอาทิตย์ถึง 150 เท่า มีช่วงสูงสุดของการระเบิดยาวนานถึง 70 วันต่างจากซูเปอร์โนวาอื่น ๆ ที่มีช่วงสูงสุดเพียงแค่ 2 สัปดาห์ และมีความสว่างมากกว่าอีกหลายร้อยซูเปอร์โนวาที่นักดาราศาสตร์เคยสังเกตเห็น

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น